ต้องยอมรับว่าเทรนด์หน้าขาว ผิวใสยังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน จนทำให้สาวๆ หลายคนหลงผิดไปใช้ครีมต่างๆ ที่เคลมว่าขาว ว่าใสภายใน 7 วัน 10 วัน ตอนใช้ก็ดีอยู่หรอก แต่พอหมดกระปุกหยุดใช้เท่านั้นแหละ ปัญหาผิวตามมาเพียบจ้าาา บางคนใช้หนักมากเข้าไม่ยอมหยุดก็เกิดเป็นสิวสเตียรอยด์สุดน่ากลัว วันนี้ Ladyissue.com จะมาเม้าท์มอยเกี่ยวกับ ‘สิวสเตียรอยด์’ ให้ฟังกันว่ามันเป็นยังไง มีสาเหตุเกิดจากอะไร และมีแนวทางรักษาได้อย่างไรบ้าง หากใครที่กำลังกังวลอยู่จะได้รู้ไปพร้อมๆ กันค่ะ
จุดเริ่มต้นของสิวสเตียรอยด์
เกิดจากการอักเสบของเซลล์รูขุมขน
อาการของคนเป็นสิวสเตียรอยด์
- ผด ผื่น จะขึ้นง่ายกว่าเดิม
- เป็นสิวผดแบบปื้นๆ
- ผิวแดงเหมือนแพ้อะไรมา
- มีอาการคัน
- ผิวเริ่มบางและแพ้ง่าย
- ผิวหน้ามันง่ายมากกว่าปกติ
- ผิวจะเริ่มเหยี่ยวย่น เพราะสเตียรอยด์จะเข้าไปทำลายการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว
ลักษณะของสิวสเตียรอยด์
- สิวผดเป็นปื้นแดงๆ ทั่วใบหน้า
- สิวอักเสบจะเห่อขึ้นมา กระจุกอยู่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง และจะขึ้นเยอะมากในบริเวณที่ทาครีมที่มีสารสเตียรอยด์
- สิวอักเสบมีขนาดเม็ดที่ใหญ่และเจ็บ แต่จะไม่มีหัว ใช้เวลานานกว่าจะยุบ
- สิวจุดสีขาวหรือสีเหลือง ที่มีลักษณะเป็นตุ่มหนองปูดบวมขึ้นมา
แนวทางการรักษาสิวสเตียรอยด์
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ปราศจากสบู่ น้ำหอม AHA/BHA และกรดวิตามินเอ
- มองหาสกินแคร์ที่เน้นให้ผิวแข็งแรง เพิ่มความชุ่มชื้น คืนสมดุลให้กับผิว งดการใช้สกินแคร์เร่งหน้าขาว หน้าใส และลดริ้วรอยไปก่อน
- งดสครับผิว ขัดหน้า นวดหน้า รวมถึงการใช้แผ่นลอกหน้า ลอกสิวไปก่อน
- พยายามเลี่ยงแดดถ้าทำได้ เพราะผิวที่โดนแสงแดดจะฟื้นตัวเองช้าและอาจจะไปกระตุ้นการเห่อของสิวขึ้นมาอีก
- เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเปล่ามากๆ เเละพักผ่อนให้เพียงพอ ผิวจะได้ฟื้นฟูเต็มที่
- ถ้าคนไหนไม่แพ้เหงื่อตัวเอง ก็เเนะนำให้ไปออกกำลังกาย เพราะเวลาเหงื่อออกจะช่วยชำระล้างรูขุมขนให้สะอาดยิ่งขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก glowit_up , the_skincare_diaries , acneglowup , _myskinstory